
การตรวจคัดกรองความปลอดภัยด้วย เครื่องตรวจจับโลหะ เป็นเรื่องปกติที่เราพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นที่สนามบิน อาคารสถานที่สำคัญ หรือแม้แต่ตามร้านค้าต่างๆ เพื่อช่วยป้องกันภัยคุกคามและเพิ่มความปลอดภัย แต่สำหรับผู้ที่มี เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ฝังอยู่ในร่างกาย อาจเกิดคำถามและความกังวลว่า เครื่องตรวจหาโลหะปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจไหม? บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจนี้ โดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจและคนรอบข้างมีความเข้าใจและสบายใจในการใช้ชีวิตประจำวันและการเดินทาง

ความกังวลในอดีตกับเทคโนโลยีปัจจุบัน
͏ย้อนกลับไปช่ว͏งเริ͏่มแร͏กที่มีการใช้ เครื่องตรวจจับโลห͏ะแบบเดินผ่าน ในสนามบินและใ͏นที่มีความปลอดภัยสูง เคยมีความกลัวว่าอุปกร͏ณ์เหล่านี้อ͏าจขัดขวางก͏ารทำงานของเครื่องมือทางการแพทย์ท͏ี่อยู่ภายในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ และเครื่องกระตุกหัวใจชนิดฝัง รายงานและการทดสอบในช่วงแรก แสด͏งให้เห็͏นว่าว͏ิธีตร͏วจจ͏ับโลหะรุ่นเก่า อา͏จมีโอกาสท͏ี่จะรบกวน เครื͏่องกระตุ้นห͏ัวใจรุ่นเก่าได้ เช่นเดียวกับเต͏าไมโค͏รเวฟเมื่อครั้งก่อน ที่ป้องกันคลื่นไม่ดีเหมือนอ͏ุปกรณ์สมัยใหม่ถึงแม้͏ว่าหลายคน͏จะคิดว่าปัญหา นี้ถ͏ูกพูดออกมามากเกินไป
สนามแม่เหล็กไฟฟ้า สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ
สิ่งท͏ี่͏สำคัญที͏่ต้องทำความเข้าใจ คือ อุป͏กรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ͏สร้าง͏สนามแม่เหล็ก และสนาม͏แม่เหล็ก ที่แรง อาจมีพลังในการรบกวนการทำงานของเ͏ครื่͏อ͏งกระตุ้นหัวใจ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ในร่างกาย นี่ค͏ือสิ่งที่ทั้งคำแน͏ะน͏ำจ͏าก NHS ของสหราชอาณาจักรและคำเตือนจาก FDA ของสหรัฐเน้นย้ำ
คำแนะนำจาก NHS (สหราชอาณาจักร)
NHS ให้คำแนะนำและความมั่นใจที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ป่วยที่ใส่ เครื่องกระตุ้นหัวใจ คำแนะนำของพวกเขาระบุว่า:
- อุปกรณ์ไฟฟ้าในครัวเรือนส่วนใหญ่จะไม่มีผลกระทบต่อ เครื่องกระตุ้นหัวใจ หากอุปกรณ์อยู่ในสภาพดีและมีการต่อสายดินอย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยควรระมัดระวังในการใช้อุปกรณ์บางชนิด โดยแนะนำให้เก็บไดร์เป่าผมและไมโครเวฟให้ห่างจาก เครื่องกระตุ้นหัวใจ อย่างน้อย 15 ซม. (6 นิ้ว) และอยู่ห่างจากเตาแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างน้อย 60 ซม. (2 ฟุต)
- สำหรับผู้ที่ต้องเดินทาง คำแนะนำคือ ระบบรักษาความปลอดภัยในสนามบิน (Airport Security Systems) โดยทั่วไปไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อ เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรพกบัตรประจำตัว เครื่องกระตุ้นหัวใจ และแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามบินว่ามี เครื่องกระตุ้นหัวใจ ก่อนเข้ารับการตรวจ
- เครื่องตรวจจับโลหะแบบมือถือ (Handheld Metal Detectors) ไม่ควรวางโดยตรงเหนือตำแหน่งที่ฝัง เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยควรทราบหากผู้โดยสารมี เครื่องกระตุ้นหัวใจ เนื่องจากส่วนประกอบที่เป็นโลหะของเครื่องอาจทำให้สัญญาณเตือนดังขึ้น
คำแนะนำจาก FDA (สหรัฐอเมริกา)
FDA (องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) ได้เคยออกคำเตือนว่า สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เกิดจากระบบป้องกันการโจรกรรม (Anti-theft Systems หรือ EAS) และ เครื่องตรวจจับโลหะ อาจ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิด รวมถึง เครื่องกระตุ้นหัวใจ, เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติชนิดฝัง, และเครื่องกระตุ้นไขสันหลัง
แนะนำของ FDA ระบุว่า:
- ระบบ EAS มักพบได้ตามร้านค้าต่างๆ มีลักษณะเป็นเสาสองต้นที่ตั้งตรงข้ามกันบริเวณทางเข้าออก
- เครื่องตรวจหาโลหะ มีทั้งแบบประตูตรวจจับโลหะและแบบเครื่องตรวจจับโลหะแบบมือถือ
- ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา FDA ได้รับรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 44 ฉบับ ที่ระบบ EAS และเครื่องตรวจจับโลหะ ดูเหมือนจะรบกวนการทำงานตามปกติของอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ฝังอยู่
- ประเภทของปัญหาที่รายงานสำหรับ เครื่องกระตุ้นหัวใจ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจที่ตั้งไว้,การเปลี่ยนแปลงการบำบัดด้วยการกระตุ้นหัวใจตามที่ตั้งโปรแกรมไว้, การหมดสติหรือเกือบหมดสติ, และอาการเจ็บหน้าอก
- อย่างไรก็ตาม FDA เน้นย้ำว่า จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บอย่างมีนัยสำคัญที่รายงานเข้ามานั้นต่ำมาก
- การรบกวนจากระบบ EASและเครื่องตรวจหาโลหะไม่น่าจะก่อให้เกิดอาการทางคลินิกที่มีนัยสำคัญในผู้ป่วยส่วนใหญ่

ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ
แม้ว่าเทคโนโลยี เครื่องตรวจจับโลหะ และระบบ EAS ในปัจจุบันจะมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ผู้ที่มี เครื่องกระตุ้นหัวใจ ก็ควรปฏิบัติตามข้อควรระวังง่ายๆ เพื่อความสบายใจและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการรวบรวมคำแนะนำจากหลายแหล่งเข้าด้วยกัน:
- แจ้งเจ้าหน้าที่: แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือพนักงานของสถานที่ที่คุณกำลังจะผ่าน เครื่องตรวจหาโลหะ หรือ ระบบ EAS ว่าคุณมี เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- พกบัตรประจำตัว: พกบัตรประจำตัว เครื่องกระตุ้นหัวใจ ติดตัวเสมอ เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูหากจำเป็น
- อย่าหยุดหรือพิง: หลีกเลี่ยงการหยุดยืนนิ่งหรือพิงกับเสาของระบบ EAS หรือ ประตูตรวจจับโลหะ
- เดินผ่านด้วยความเร็วปกติ: เดินผ่าน เครื่องตรวจจับโลหะแบบเดินผ่าน หรือระบบ EAS ด้วยความเร็วในการเดินตามปกติ อย่าหยุดหรือลังเล
- ระมัดระวังเครื่องแบบมือถือ: หากต้องใช้ เครื่องตรวจจับโลหะแบบมือถือ ในการตรวจค้น ให้แจ้งเจ้าหน้าที่และขอให้พวกเขาอย่าถือเครื่องจ่อตรงตำแหน่งที่ฝัง เครื่องกระตุ้นหัวใจ นานเกินความจำเป็นหรืออาจขอให้ใช้วิธีการตรวจค้นแบบอื่นแทน
- ตระหนักถึงระบบที่ซ่อนอยู่: โปรดทราบว่าระบบ EAS บางครั้งอาจถูกซ่อนหรืออำพรางไว้บริเวณทางเข้าออกของร้านค้า
สรุป
เครื่องตรวจจับโลหะเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่พบเห็นได้ทั่วไปในสนามบิน อาคารราชการ ร้านค้า และสถานที่ต่างๆ ซึ่งผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ฝังในร่างกายอาจเกิดความกังวลว่าการผ่านเครื่องเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ของตนหรือไม่ โดยเฉพาะในอดีตที่เครื่องตรวจจับโลหะรุ่นเก่าอาจมีแนวโน้มรบกวนเครื่องกระตุ้นหัวใจ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างก้าวหน้าในปัจจุบัน เครื่องตรวจหาโลหะได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยมากขึ้น และไม่ส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์ทางการแพทย์หากใช้อย่างถูกต้องและระมัดระวัง
ข้อมูลจาก NHS ของสหราชอาณาจักรให้ความมั่นใจว่าผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และสามารถเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะได้อย่างปลอดภัย หากปฏิบัติตามคำแนะนำ เช่น ไม่พกอุปกรณ์ที่มีสนามแม่เหล็กแรงใกล้ตำแหน่งฝังอุปกรณ์ และควรแจ้งเจ้าหน้าที่หากจำเป็นต้องผ่านจุดตรวจ นอกจากนี้ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ก็ระบุว่าระบบรักษาความปลอดภัยในสนามบินและร้านค้าหลายแห่ง เช่น ระบบป้องกันการขโมย (EAS) หรือเครื่องสแกนโลหะแบบมือถือ มีความเป็นไปได้ที่จะรบกวนเครื่องกระตุ้นหัวใจได้ในบางกรณี แม้จะพบได้น้อยมากก็ตาม จึงแนะนำให้ผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงการหยุดนิ่งหรือพิงใกล้กับระบบดังกล่าว และไม่ควรให้เครื่องสแกนโลหะแบบมือถือจ่อบริเวณที่ฝังอุปกรณ์เป็นเวลานาน
อ้างอิงแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม :
NHS. (n.d.). Living with a Pacemaker. National Health Service UK, from https://www.nhs.uk/
World Health Organization (WHO). (n.d.). What is Electromagnetic Fields (EMF)?, from https://www.who.int/