![กล้อง LPR ตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์](https://autodoorservice.com/wp-content/uploads/2025/01/LPR1-1024x585.webp)
การทำงานของกล้อง LPR สำหรับตรวจจับป้ายทะเบียน
เทคโนโลยี LPR (License Plate Recognition) หรือ การจดจำป้ายทะเบียนอัตโนมัติ ได้กลายเป็นโซลูชันสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับระบบควบคุมทางเข้า-ออกของยานพาหนะ ระบบนี้ถูกนำไปใช้ในหลากหลายสถานที่ เช่น ลานจอดรถ อาคารสำนักงาน โรงงาน และหน่วยงานภาครัฐ โดยกล้อง LPR สามารถตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ได้อัตโนมัติ พร้อมทั้งจดจำข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น สีของรถ ยี่ห้อรถ และประเภทของรถ ช่วยให้สามารถควบคุมการเข้าถึงได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
![การทำงานระบบLPR](https://autodoorservice.com/wp-content/uploads/2025/01/LPR2-1024x585.webp)
การทำงานของระบบ LPR
ระบบ LPR อาศัย Computer Vision และ AI (Artificial Intelligence) เพื่อจดจำหมายเลขทะเบียนและข้อมูลอื่น ๆ ของรถยนต์ กระบวนการทำงานของกล้อง LPR มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. การจับภาพป้ายทะเบียน (License Plate Detection)
เมื่อรถเข้ามาในระยะตรวจจับของกล้อง LPR ระบบจะทำการตรวจจับตำแหน่งของป้ายทะเบียนและบันทึกภาพโดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีที่ใช้ช่วยให้สามารถจับภาพป้ายทะเบียนได้อย่างชัดเจน แม้ในสภาพแสงน้อยหรือในเวลากลางคืน
เทคโนโลยีที่ใช้:
- Infrared (IR) และ LED Light – ช่วยเพิ่มความคมชัดของป้ายทะเบียนในที่มืด
- High-speed Image Capture – รองรับรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
ปัจจัยที่มีผลต่อความแม่นยำ:
- ตำแหน่งของกล้อง ควรติดตั้งให้อยู่ในระดับที่สามารถเห็นป้ายทะเบียนได้ชัด
- คุณภาพของป้ายทะเบียน หากป้ายทะเบียนซีดจางหรือมีคราบสกปรก อาจทำให้การจดจำผิดพลาด
2. การประมวลผลภาพและจดจำหมายเลขทะเบียน (Image Processing & Optical Character Recognition – OCR)
หลังจากจับภาพป้ายทะเบียนได้แล้ว ระบบ OCR (Optical Character Recognition) จะเข้ามามีบทบาทในการแปลงตัวอักษรและตัวเลขจากภาพให้กลายเป็นข้อมูลดิจิทัลที่สามารถอ่านได้
กระบวนการ OCR ประกอบด้วย:
- การปรับแต่งภาพ (Preprocessing) – ลบรอยรบกวน ปรับความคมชัดของตัวอักษร
- การแยกตัวอักษร (Segmentation) – แยกตัวอักษรและตัวเลขออกจากกัน
- การจดจำตัวอักษร (Character Recognition) – วิเคราะห์ลักษณะของอักขระเพื่อจดจำหมายเลขทะเบียน
ระบบสามารถจดจำป้ายทะเบียนจากหลากหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานในระดับสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การตรวจสอบฐานข้อมูล (Database Verification & Authentication)
เมื่อระบบได้ข้อมูลหมายเลขทะเบียนแล้ว ระบบจะนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่
ประเภทของฐานข้อมูล:
- Whitelist (รายการอนุญาต) – รถที่ได้รับอนุญาตสามารถผ่านเข้า-ออกได้
- Blacklist (รายการต้องห้าม) – ระบบจะป้องกันไม่ให้รถที่ไม่พึงประสงค์เข้า
- Visitor List (รายชื่อผู้มาเยือน) – ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลของรถที่เข้ามาเป็นครั้งคราว
หากหมายเลขทะเบียนตรงกับฐานข้อมูล Whitelist ไม้กั้นอัตโนมัติจะเปิดออกทันที หากไม่ตรง ระบบสามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติม
4. การอนุญาตหรือปฏิเสธการเข้าถึง (Access Control Decision)
หลังจากตรวจสอบฐานข้อมูล ระบบจะทำการตัดสินใจว่ารถคันดังกล่าวควรได้รับอนุญาตให้ผ่านหรือไม่
- กรณีได้รับอนุญาต: ไม้กั้นจะเปิดออกโดยอัตโนมัติ
- กรณีไม่ได้รับอนุญาต: ระบบจะปิดกั้นการเข้า-ออก และแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
![เทคโนโลยีที่ใช้กับระบบLPR](https://autodoorservice.com/wp-content/uploads/2025/01/LPR3-1024x585.webp)
เทคโนโลยีที่ใช้ในระบบ LPR
1. การจดจำสีของรถยนต์ (Vehicle Color Recognition)
ระบบ LPR ไม่ได้มีความสามารถเพียงแค่การจดจำป้ายทะเบียนเท่านั้น แต่ยังสามารถตรวจจับสีของรถยนต์ได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถแยกแยะสีได้มากถึง 16 สี เช่น สีขาว สีดำ สีแดง สีฟ้า สีเทา สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีชมพู สีม่วง สีน้ำตาล สีทอง สีเงิน และสีตาล เป็นต้น ความสามารถนี้ช่วยให้การติดตามยานพาหนะเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความผิดพลาดจากการจดจำป้ายทะเบียนเพียงอย่างเดียว
- ใช้ Computer Vision และ Deep Learning เพื่อจดจำสีของรถ
- ป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลของรถยนต์
2. การจดจำยี่ห้อของรถยนต์ (Vehicle Make)
เทคโนโลยี LPR สามารถจดจำยี่ห้อของรถยนต์ได้มากกว่า 124 แบรนด์ชั้นนำทั่วโลก เช่น Audi, BMW, Ford, Honda, Toyota, Nissan, Mercedes-Benz, Volvo, Hyundai และอื่น ๆ อีกมากมาย ฟังก์ชันนี้ช่วยให้สามารถระบุข้อมูลของยานพาหนะได้อย่างละเอียด ไม่เพียงแต่ใช้ในระบบควบคุมทางเข้า-ออก แต่ยังเป็นประโยชน์ในงานด้านความปลอดภัย เช่น การตรวจจับรถต้องสงสัยหรือการบันทึกข้อมูลยานพาหนะที่เข้า-ออกสถานที่
- ลดความเสี่ยงจากการใช้ป้ายทะเบียนปลอม
- เพิ่มความปลอดภัยในการควบคุมยานพาหนะ
3. การจดจำประเภทของรถยนต์ ( Model Recognition)
ระบบ LPR สามารถระบุประเภทของรถยนต์ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง (Sedan), รถอเนกประสงค์ (SUV), รถกระบะ (Pickup Truck) หรือรถบรรทุก (Truck) เป็นต้น ฟังก์ชันนี้ช่วยให้สามารถควบคุมการเข้า-ออกของรถยนต์ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับประเภทของยานพาหนะที่สามารถเข้าใช้พื้นที่ เช่น โรงจอดรถในห้างสรรพสินค้า สนามบิน หรือคลังสินค้า
4. ระบบการทำงานแบบเรียลไทม์ (Real-time Processing)
- สามารถตรวจจับป้ายทะเบียนและประมวลผลข้อมูลได้ภายในไม่กี่วินาที
- รองรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการความรวดเร็ว
5. รองรับโหมดออฟไลน์ (Offline Mode)
- หากระบบเครือข่ายล่ม กล้อง LPR ยังคงสามารถบันทึกข้อมูลและอนุญาตให้รถที่มีสิทธิ์ผ่านเข้า-ออกได้
- ข้อมูลที่บันทึกไว้จะถูกซิงค์กับระบบอัตโนมัติเมื่อกลับมาออนไลน์
การนำระบบ LPR ไปใช้งานจริง
- ลานจอดรถของอาคารสำนักงาน – ควบคุมการเข้า-ออกของพนักงาน
- โรงงานอุตสาหกรรม – ป้องกันรถที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในพื้นที่
- มหาวิทยาลัยและโรงเรียน – ควบคุมการเข้า-ออกของนักศึกษาและบุคลากร
- โชว์รูมรถยนต์ – ใช้บันทึกข้อมูลรถของลูกค้า
ประโยชน์ของระบบ LPR
- เพิ่มความปลอดภัย – ป้องกันการใช้ป้ายทะเบียนปลอม
- ลดเวลาการตรวจสอบ – ลดภาระของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
- รองรับการทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ – เช่น RFID, CCTV, ไม้กั้นอัตโนมัติ
- สามารถทำงานในเวลากลางคืนได้ดี – ด้วยเทคโนโลยี IR Sensor
สรุป
ระบบ LPR เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การตรวจจับและจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์เป็นไปโดยอัตโนมัติ มีความแม่นยำสูง รองรับการทำงานแบบ Real-time และ Offline สามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ ระบบนี้เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการควบคุมทางเข้า-ออกของยานพาหนะอย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิงแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม :
ZKTeco. (n.d.).ZKTeco’s LPR technology enhances vehicle access control with AI-driven license plate recognition, from https://www.zkteco.com